หุ้นคืออะไร? อธิบายแบบเข้าใจง่าย สำหรับมือใหม่

อยากรู้เรื่องหุ้นแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? บทความนี้อธิบาย “หุ้น” ให้เข้าใจง่ายที่สุด พร้อมตัวอย่างชัดเจน มือใหม่เข้าใจได้ทันที อ่านแล้วแชร์ให้คนที่คุณรักได้เลย!

ความรู้การเงิน

1/15/20251 นาทีอ่าน

หุ้นคืออะไร แบบเข้าใจง่ายสุดๆ

สำหรับมือเก๋า อยากให้แชร์คอนเท้นนี้ให้มือใหม่หรือคนรู้จักที่อยากให้เขาสนใจเรื่องการเงินแบบสุดๆ เพราะพยายามจะเขียนให้เข้าใจง่ายที่สุด

ฟังแล้วคงจะงง ขอยกตัวอย่างบริษัทเจ๊ไก่

สิ่งที่น่าสนุกเกี่ยวกับตลาดหุ้นคือ

ทุกครั้งที่คนหนึ่งซื้อ อีกคนหนึ่งขาย

ทั้งสองคนคิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมแล้ว

– William Feather

หุ้น คือสิ่งที่หลายๆคนสงสัย รวมถึงตื่นเต้นมาก แต่ก่อนที่จะไปสนผลกำไรตรงนั้น อยากให้ลองฟังคำอธิบายของหุ้นสักหน่อยว่าคืออะไร

  • หุ้น (Share) คือ ส่วนแบ่งของบริษัทที่เสนอขาย เพื่อนำเงินนั้นไปลงทุนต่อยอด

  1. บริษัทเจ๊ไก่ ตอนนี้เป็นเจ้าของสวนทุเรียน มีการจดบริษัทและเสียภาษี เจ๊ไก่เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว รายได้ต่อปีอยู่ที่ หนึ่งหมื่นล้าน (รวยม๊ากกก)

  2. วันนึงเจ๊ไก่อยากจะเป็นเจ้าของที่ดินในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ว่าเจ๊ไก่ไม่อยากกู้ธนาคาร เจ๊ไก่เลยแบ่งความเป็นเจ้าของ ออกมาเป็น “หุ้น” จำนวน 100,000 หุ้น เสนอขายเจ้าของสวนรอบๆ

  3. แต่เพื่อความน่าเชื่อถือ เจ๊เลยต้องเดินไปขอให้ตลาดหลักทรัพย์ช่วยดู ว่าบริษัทเจ๊ได้รายได้หนึ่งหมื่นล้านจริง

  4. โดยสำหรับคนที่ซื้อภายใน 7 วันแรกที่เจ๊ประกาศขาย ราคา 1 หุ้น = 1 ล้านบาท

  5. คนที่ซื้อจะได้รับสัญญาว่าจะได้เงินปันผล 1 หุ้น = 50,000 บาทต่อปี และจะเอาหุ้นนั้นไปขายใครต่อก็ได้

  • ช่วงที่เจ๊รวยและอยากเสนอขายหุ้น คือการที่จะต้องเปลี่ยนจากบริษัทประเภท “บริษัทเอกชน” เป็น “บริษัทมหาชน” หรือคือการแสดงความร่ำรวยและมั่นคงของบริษัท

  • 7 วันแรกที่เจ๊เปิดขายหุ้น จะถูกเรียกว่าช่วง IPO หรือ Initial Public Offering

  • คนที่ซื้อหุ้นเจ๊ จะเรียกว่า ’นักลงทุน’ เพราะกล้าจะให้เงินเจ๊หุ้นละ 1 ล้าน และมั่นใจว่าจะได้เงินปันผลปีละ 50,000 หรือเอาหุ้นนั้นไปขายต่อก็ได้

  • ที่ที่คนจะซื้อหุ้นต่อจากคนที่ซื้อครั้งแรกใน IPO คือ ตลาดหุ้น

  1. หลังจากที่เจ๊ไก่ขายหุ้นเสร็จ เจ๊ไก่ก็เอาเงินนั้นไปซื้อที่ดินในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำสวนทุเรียนอีก โดยเจ๊ได้เงินทั้งหมด

    ราคา IPO : 1 หุ้น = 1 ล้านบาท

  2. เงินที่เจ๊ได้ตอนนี้ : 100,000 x 1,000,000 = 100,000,000,000 (หนึ่งแสนล้านบาท) โดยที่เจ๊ไม่ต้องไปกู้ธนาคาร และไม่เสียดอกเบี้ย แต่เจ๊มีการทำสัญญาไว้แทนว่าจะจ่ายปันผลในปีแรกหุ้นละ 50,000 บาทแทน (แต่ถ้ากำไรไม่ดี เจ๊อาจจะจ่ายน้อยลงกว่า 50,000 บาทต่อหุ้นได้)

  3. เจ๊ไก่ได้เงินสบายแฮ เอาไปลงทุนตามที่หวังไว้แล้ว

มาฝั่งลุงเป็ด ที่ซื้อหุ้นจากเจ๊ไก่บ้าง

  1. ส่วนฝั่งคนที่ซื้อคือลุงเป็ด ลุงแกซื้อไป 10 หุ้น หรือ 10 ล้านบาท แล้วลุงก็ทำงานอื่นของลุงไป

  2. จบปี ลุงได้เงินปันผลจกการซื้อหุ้นเจ๊ไก่

    ปันผลต่อหุ้น = 50,000 บาท/ปี

    10 หุ้น x ปันผล 50,000 = 500,000 บาท

    จากทุน 10 ล้านบาท

  3. แล้วจู่ๆบริษัทเจ๊ไก่ได้ข่าวว่าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านแล้วรุ่ง ทำให้คนสนใจซื้อหุ้นต่อ มีคนเสนอราคาซื้อต่อที่ 1.5 ล้านบาทต่อหุ้น

    ลุงเป็ดเห็นมีคนเสนอ 1.5 ล้านต่อหุ้น จึงยอมขายออกไป 3 หุ้น ทำให้ลุงได้เงินมาทั้งหมด 4.5 ล้านบาท

    3 x 1,500,000 = 4,500,000 บาท

    แต่ต้นทุนของลุงคือ 1 ล้านต่อหุ้น

    ดังนั้นลุงจะได้กำไร

    = (ราคาขาย 1.5 ล้าน x 3 หุ้น) - (ราคาทุน 1 ล้าน x 3 หุ้น)

    = 4,500,000 - 3,000,000

    = กำไร 1,500,000 บาท

    รวมกับที่ลุงได้ปันผลมา 500,000 บาทในปีนี้

    ทำให้ลุงได้เงินมาที่

    = 500,000 จากปันผล + 1,500,000 จากกำไรในการขายต่อ

    = เงินได้ 2,000,000 บาท

    จากเงินลงทุน 10,000,000 บาท ในปีแรก!!

    และลุงยังเหลือหุ้นอีก 7 หุ้นด้วยนะ!!!

  4. ดังนั้นในปีถัดไปลุงอาจจะมีเงินเยอะกว่านี้ก็ได้นะ หรือจะรอถือปันผลไปจนกว่าบริษัทเจ๊ไก่จะเจ๊งก็ได้เช่นกัน ลองคิดดูสิว่าถ้าลุงถืออีก 7 หุ้นที่เหลือไว้อีกสัก 10 ปี ทั้งมูลค่าเดิมและปันผลที่ได้ในแต่ละปีจะเยอะขนาดไหน!!!

[ข้อควรรู้ของหุ้น]

  • เมื่อหุ้นถูกนำออกจำหน่าย จะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์

  • ผู้ถือหุ้นคือผู้ที่ซื้อส่วนหนึ่งของบริษัท หากมูลค่าตกลง ไม่มีการรับประกันว่าพวกเขาจะได้เงินคืน

  • หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้น(หรือลุงไก่) จะไม่ได้เงินค่าหุ้นที่ซื้อไปคืน แต่ไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ของบริษัทนั้นๆ

เข้าใจบริษัทที่กำลังจะขายหุ้นแบบย่อๆตรงนี้