เคล็ดลับการวางแผนการเงินสำหรับฟรีแลนซ์ สร้างความมั่นคงแม้รายได้ไม่แน่นอน

วางแผนการเงินฉบับฟรีแลนซ์ด้วยเทคนิคง่ายๆ เช่น การตั้งงบประมาณ การออมเงินฉุกเฉิน และการลงทุนเพื่ออนาคต ช่วยสร้างความมั่นคงแม้รายได้ไม่สม่ำเสมอ

ความรู้การเงิน

1/12/20251 นาทีอ่าน

การวางแผนทางการเงิน เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับฟรีแลนซ์

โดยหลักแล้วฟรีแลนซ์จะมีข้อดีคือความเป็นอิสระ แต่ข้อเสียคือความไม่แน่นอนทางรายได้

เราจึงแนะนำให้มีวินัยในเก็บออมและติดตามเรื่องรายรับและรายจ่ายเสมอ

การทำงานในฐานะฟรีแลนซ์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในยุคสมัยนี้ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการทำงานและโอกาสในการเลือกโปรเจกต์ที่ตรงกับความสนใจของตนเอง

อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบนี้มักมาพร้อมกับปัญหาในการจัดการด้านการเงิน เพราะรายได้ที่ไม่แน่นอนและการไม่มีสวัสดิการจากนายจ้าง ดังนั้น การวางแผนทางการเงินจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ฟรีแลนซ์ทุกคนควรให้ความสนใจ

ซึ่งจากสถิติในประเทศไทย พบว่าฟรีแลนซ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหนีจากการทำงานประจำ

โดยจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าประมาณ 30% ของแรงงานในประเทศไทยทำงานแบบฟรีแลนซ์ แต่มีเพียง 20% ของพวกเขาที่มีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ

นั่นแสดงให้เห็นว่ามีฟรีแลนซ์จำนวนมากที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการออมเงินเพียงพอ ดังนั้นการวางแผนการเงินจึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

การวางแผนทางการเงิน ฉบับฟรีแลนด์สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1. สร้างงบประมาณการใช้จ่าย :

ขั้นตอนแรกคือการตั้งงบประมาณที่ชัดเจน แนะนำให้ใช้กฎ 50/30/20 โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้านและค่าอาหาร 30% สำหรับความบันเทิงหรือสิ่งที่ต้องการ และ 20% สำหรับการออมและการลงทุน

หากรายได้ไม่คงที่ ให้คำนวณจากรายได้เฉลี่ย 6 เดือนที่ผ่านมาเพื่อสร้างงบประมาณที่เหมาะสม

2. แยกบัญชีสำหรับการออม :

การเปิดบัญชีแยกเพื่อเก็บเงินออมช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้จ่ายเกินความจำเป็น คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเก็บเงินฉุกเฉินที่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน

และเพิ่มการออมสำหรับเป้าหมายระยะยาว เช่น การซื้อบ้านหรือการเกษียณ

3. ลงทุนเพื่ออนาคต :

เมื่อมีเงินออมฉุกเฉินเพียงพอแล้ว การลงทุนเป็นอีกขั้นตอนที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งในระยะยาว ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับฟรีแลนซ์ เช่น กองทุนรวม หุ้น หรือบัญชีเงินฝากประจำที่มีผลตอบแทนสูง การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

4. ใช้แอปพลิเคชันจัดการการเงิน :

แอปพลิเคชัน เช่น Make หรือ Kept ช่วยให้ฟรีแลนซ์ติดตามรายรับรายจ่ายและวางแผนการออมได้สะดวกมากขึ้น การใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มวินัยทางการเงิน

5. คำนวณภาษีให้แม่น :
เพราะฟรีแลนซ์คือคนที่มีรายได้ไม่แน่นอนและอาจจะมีรายได้จากหลากหลายทาง ทำให้การยื่นภาษีจะมีเงื่อนไขค่อนข้างเยอะกว่าพนักงานประจำ

ดังนั้นจึงควรหักเงินสำหรับการจ่ายภาษีไว้เสมอ ซึ่งจะต้องดูดีๆด้วยนะว่าบริษัทไหนหัก ณ ที่จ่ายของเราไปแล้วบ้าง และเราได้ขอเอกสารสำคัญไว้บ้างหรือไม่

6. แทร็ครายรับ การวางบิล และการส่งมอบงาน :
สำหรับฟรีแลนซ์บางคนที่รับงานกับบริษัทใหญ่ หรือกับงานที่มีการชำระเงินหลังจากส่งมอบงานเสร็จ จะทำให้การคำนวณรายได้ที่เข้ามาได้ยาก

จึงแนะนำให้มีการทำแทร็คกิ้งงานและตามงานจากทางบริษัทที่เรารับงานอย่างสม่ำเสมอว่าถึงขั้นตอนไหน และจะทำการจ่ายเงินในวันไหน

“ความมั่งคั่งไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเงิน

แต่เป็นเรื่องของอิสรภาพในการออกแบบชีวิตตามที่ต้องการ”

– Tim Ferriss นักเขียนชาวอเมริกัน